ข่าวสารล่าสุด
2025.10.22
KIKUYA บางจาก
วิธีซักเสื้อกันหนาวแต่ละประเภท กำจัดกลิ่นอับอยู่หมัด

ลมหนาวเริ่มมาทักทาย หลายคนคงเริ่มรื้อตู้เสื้อผ้า หาเสื้อกันหนาวตัวเก่งที่เก็บไว้ข้ามปีออกมาเตรียมใช้งาน แต่ปัญหาคลาสสิกที่ต้องเจอก็คือ “กลิ่นอับ” ที่ติดแน่นฝังลึกจากการเก็บไว้ในตู้เป็นเวลานาน
การซักเสื้อกันหนาวนั้นไม่เหมือนการซักผ้าทั่วไป เพราะเสื้อแต่ละประเภทมีวัสดุและการดูแลที่แตกต่างกัน หากซักผิดวิธี จากเสื้อตัวโปรดอาจกลายเป็นเสื้อตัวหดหรือย้วยเสียทรงได้เลย วันนี้เรามีคู่มือ วิธีซักเสื้อกันหนาวแต่ละประเภท เพื่อกำจัดกลิ่นอับและคืนความหอมฟูให้เสื้อของคุณกลับมาเหมือนใหม่
กำจัดกลิ่นอับเบื้องต้น (ก่อนซัก)
ก่อนจะนำไปซักให้ลอง”ปฐมพยาบาล”กลิ่นอับเบื้องต้นก่อน
• ผึ่งลม: นำเสื้อไปแขวนในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก(ไม่ใช่แดดจัด)ลมจะช่วยพัดพากลิ่นอับที่สะสมอยู่ออกไปได้
• เบกกิ้งโซดา (สำหรับผ้าทั่วไป): โรยเบกกิ้งโซดาบางๆ ลงบนเสื้อ ทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง แล้วสะบัดออก เบกกิ้งโซดาจะช่วยดูดซับกลิ่น
อ่านป้าย Care Label ก่อนเสมอ!
ก่อนจะทำอะไรกับเสื้อ สละเวลาสักครู่เพื่ออ่านป้ายสัญลักษณ์การดูแลผ้า (Care Label) ที่ติดอยู่กับเสื้อ นี่คือคู่มือที่ดีที่สุดที่จะบอกว่าเสื้อของคุณ “ซักเครื่องได้ไหม”, “ต้องใช้น้ำอุณหภูมิเท่าไหร่” หรือ “ห้ามอบแห้ง” หรือไม่
รวมวิธีซักเสื้อกันหนาวแต่ละประเภท
สำหรับเสื้อไหมพรม (Knit Sweaters) และ เสื้อขนสัตว์ (Wool) ซึ่งเป็นประเภทที่บอบบางที่สุดและเสี่ยงต่อการหดหรือย้วยได้ง่าย วิธีที่ดีที่สุดคือการซักมือ ให้เริ่มจากผสมน้ำยาซักผ้าสำหรับผ้าบอบบางหรือน้ำยาซักผ้าขนสัตว์โดยเฉพาะในน้ำเย็น (ห้ามใช้น้ำอุ่นหรือน้ำร้อนเด็ดขาด) ตีให้เกิดฟองก่อนนำเสื้อลงแช่ จากนั้นค่อยๆ กดเสื้อให้น้ำซึมเข้าเนื้อผ้า ห้ามขยี้ บิด หรือดึงผ้าโดยเด็ดขาด แช่ทิ้งไว้ไม่เกิน 5-10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น 2-3 ครั้งจนสะอาด ในขั้นตอนการบีบน้ำ ให้อุ้มหรือช้อนเสื้อขึ้นมาทั้งตัว ห้ามบิดเด็ดขาด แต่วางเสื้อลงบนผ้าขนหนูผืนใหญ่แล้วม้วนผ้าเพื่อซับน้ำออก ส่วนการตากนั้นสำคัญมาก ต้องตากในแนวราบเท่านั้น โดยวางพาดบนตะแกรงตากผ้าหรือพาดบนราวหลายๆ เส้น ในที่ร่มที่มีลมโกรก
ส่วนเสื้อขนเป็ด (Down Jackets) มีความท้าทายที่การทำให้ขนด้านในกลับมาฟู ไม่จับตัวเป็นก้อน วิธีที่ดีที่สุดคือการซักด้วยเครื่องซักผ้าฝาหน้า โดยเริ่มจากรูดซิปและปิดกระดุมทุกเม็ดก่อน สิ่งสำคัญคือต้องใช้น้ำยาซักผ้าสำหรับขนเป็ด (Down Wash) โดยเฉพาะ และห้ามใช้น้ำยาซักผ้าทั่วไปหรือน้ำยาปรับผ้านุ่มเด็ดขาด เพราะจะทำลายคุณสมบัติของขนเป็ด ให้ตั้งค่าเครื่องในโหมด “ซักมือ” หรือ “ผ้าบอบบาง” ใช้น้ำเย็น และควรตั้งค่าล้างน้ำเพิ่มอีก 1-2 รอบเพื่อให้แน่ใจว่าน้ำยาออกหมด ขั้นตอนการตากนั้นสำคัญมาก หากใช้เครื่องอบผ้า ให้ใช้อุณหภูมิต่ำสุด พร้อมกับใส่ลูกเทนนิสหรือ Dryer Balls 2-3 ลูกเข้าไปด้วย เพื่อช่วยตบให้ขนเป็ดกระจายตัวและฟูกลับขึ้นมา แต่หากไม่มีเครื่องอบ ให้ตากในที่ร่มลมโกรก ซึ่งอาจใช้เวลาหลายวัน และต้องคอยใช้มือตบหรือเขย่าเสื้อบ่อยๆ ตลอดวันเพื่อให้ขนด้านในแห้งสนิท
สำหรับเสื้อฟลีซ (Fleece Jackets) นั้นดูแลค่อนข้างง่าย แต่หากซักผิดวิธีก็จะทำให้ความนุ่มฟูหายไปและเกิดขุยได้ง่าย วิธีซักด้วยเครื่องคือให้กลับด้านเสื้อก่อนซักเพื่อลดการเกิดขุยด้านนอก จากนั้นซักด้วยน้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิปกติในโหมดซักปกติหรือโหมดถนอมผ้า ข้อควรระวังที่สุดคือ ห้ามใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มเด็ดขาด เพราะจะไปเคลือบใยผ้า ทำให้เสื้อแข็งกระด้างและสูญเสียคุณสมบัติการระบายอากาศ เมื่อซักเสร็จให้นำไปตากในที่ร่มลมโกรกซึ่งแห้งเร็วมาก หรือหากจำเป็นต้องอบ ให้ใช้อุณหภูมิต่ำสุดเท่านั้น
สุดท้ายคือ เสื้อสเวตเตอร์ / ฮู้ด (Sweatshirts / Hoodies) ซึ่งเป็นประเภทที่ทนทานและดูแลง่ายที่สุด สามารถซักด้วยเครื่องซักผ้าได้ตามปกติ โดยแนะนำให้กลับด้านเสื้อก่อนซักเพื่อถนอมลายสกรีน สามารถใช้น้ำเย็นหรือน้ำอุ่นก็ได้ (แต่น้ำเย็นจะช่วยถนอมสีได้ดีกว่า) เลือกใช้โหมดซักปกติ และสามารถใช้น้ำยาซักผ้ากับน้ำยาปรับผ้านุ่มได้เลย เมื่อซักเสร็จก็นำไปแขวนตาก หรือเข้าเครื่องอบผ้าตามปกติได้ แต่ควรระวังว่าการอบด้วยความร้อนสูงอาจทำให้เสื้อหดเล็กน้อย
ถ้าซักแล้วกลิ่นยังติด?
หากทำตามขั้นตอนแล้วยังมีกลิ่นอับจางๆหลงเหลืออยู่ ให้ลองใช้น้ำส้มสายชูขาวประมาณครึ่งถ้วยตวง ใส่ลงในช่องน้ำยาปรับผ้านุ่มในการซัก (ใช้ได้กับผ้าส่วนใหญ่ ยกเว้นขนสัตว์ที่บอบบาง) น้ำส้มสายชูจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและสลายกลิ่นอับได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยกลิ่นเปรี้ยวจะหายไปเองเมื่อผ้าแห้งสนิท
เพียงทำตามขั้นตอนนี้ เสื้อกันหนาวที่เก็บไว้นานก็จะกลับมาสะอาด หอมฟู พร้อมให้คุณใส่ต้อนรับลมหนาวได้อย่างมั่นใจแล้วค่ะ!
บทความอื่นๆ


